ประวัติ ของ ริโนะ ซาชิฮาระ

พ.ศ. 2550 - 2555 ในฐานะสมาชิก AKB48

ในเดือนตุลาคม 2550 ริโนะ ซาชิฮาระ เข้าร่วมออดิชันและได้รับเลือกให้เป็นเคงคิวเซย์ (เด็กฝึกหัด) สำหรับสมาชิกรุ่นที่ 5 ของ AKB48 และได้เลื่อนขั้นเป็นสมาชิกตัวจริงในทีม B เมื่อเดือนสิงหาคม 2551 ต่อมาในเดือนตุลาคมในปีเดียวกัน เธอได้มีส่วนร่วมในซิงเกิลครั้งแรกคือ Oogoe Diamond และได้รับตำแหน่งอันดับที่ 27 ในงานเลือกตั้งประจำปี 2552 กับฐานะ "อันเดอร์เกิร์ล" ซึ่งมีหน้าที่แสดงในหน้าบีของซิงเกิล[ต้องการอ้างอิง] เธอดำรงตำแหน่งนี้จนถึงปีถัดไปและจนถึงงานเลือกตั้งประจำปี 2553 ซึ่งเธอได้รับตำแหน่งอันดับที่ 19 และมีโอกาสเข้าร่วมในซิงเกิลกับสมาชิกหลักที่ร้องเพลงหลักของซิงเกิล[3] เมื่อเดือนสิงหาคม 2552 AKB48 ได้ประกาศว่าเธอจะย้ายไปทีม A ซึ่งการย้ายนี้เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมในปีถัดมา

เมื่อเดือนมกราคม 2554 ซะชิฮะระปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์ระยะเวลาครึ่งชั่วโมงในชื่อ Sashiko no Kuseni (Kono Bangumi wa AKB to wa Mattaku Kankei Arimasen) (さしこのくせに〜この番組はAKBとは全く関係ありません〜) ออกอากาศโดยโตเกียวบรอดแคสติงซิสเตม ซึ่งได้อธิบายตัวตนของเธอว่า "เฮะตาเระ" (ญี่ปุ่น: ヘタレ โรมาจิhetare ทับศัพท์แปลว่าขี้ขลาด, ไร้ความสามารถ, ไร้ความอดทน) ซึ่งเป็นรายการโทรทัศน์ตั้งมาสำหรับเธอโดยเฉพาะ[4]

ซะชิฮะระได้เป็นตัวแสดงนำในละครดรามา "Muse no Kagami" ออกอากาศโดยสถานีโทรทัศน์นิปปอน ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2555[5] และมีผลงานซิงเกิลเดี่ยวเป็นของตัวเองครั้งแรกในชื่อ Soredemo Suki Da yo จากค่าย Avex Trax[6]

เมื่อเดือนเมษายน 2555 มีการประกาศว่าซะชิฮะระจะก่อตั้งงานเทศกาลสำหรับไอดอล ในชื่อ "Yubi Matsuri" จัดขึ้นที่นิปปงบุโดกัง ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มไอดอลญี่ปุ่น อาทิเช่น โมะโมะอิโระโคลเวอร์ Z, ไอดอลลิ่ง!!!, ชิริสึ เอะบิสึ ชุงากุ, Super Girls, Tokyo Girls' Style, Passpo, และ วะตะริโรกะฮะชิริไต[7]

พ.ศ. 2555 - ปัจจุบัน เรื่องอื้อฉาวทางเพศ และ การถูกย้ายไป HKT48

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2555 ซะชิฮะระได้ถูกลดตำแหน่งและถูกย้ายไปวง HKT48 หลังจากที่สำนักข่าว "ชุคัง บุนชุน" ได้ตีพิมพ์บทความว่าเธอแอบไปเดทและหลับนอนกับแฟนคลับของเธอ โดยที่ฝ่ายชายได้สารภาพว่าเขาได้หลับนอนกับเธอจริง ในขณะที่ซะชิฮะระปฏิเสธและบอกว่าเขาเป็น "เพียงแค่เพื่อน" เท่านั้น และได้กล่าวอีกว่าเรื่องที่สำนักข่าวตีพิมพ์ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามทาง ยะซุชิ อะกิโมะโตะ กล่าวว่าการให้เธอไปอยู่วง HKT48 นั้นถือว่าเป็นการ "เริ่มต้นใหม่" มากกว่าที่จะเป็นการ "ลงโทษ"[8][9][10] ในวันที่ 20 มิถุนายน ซะชิฮะระเกิดอาการชักเกร็งขณะกำลังแสดงบนเวที[11]

ซะชิฮะระเปิดตัวครั้งแรกในฐานะสมาชิก HKT48 ที่เธียเตอร์ของวงดังกล่าวเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2555 งานเลี้ยงอำลาของเธอจากวง AKB48 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ในเดือนเดียวกัน และมีสมาชิกวง AKB48 ทีม A เข้าร่วม รวมทั้งมีสมาชิกบางคนจาก HKT48 ทีม H เป็นแขกรับเชิญ[12]

ซะชิฮะระปล่อยซิงเกิลเดี่ยวครั้งที่ 2 ในชื่อ Ikujinashi Masquerade เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2555[13][14] ซิงเกิลนี้ได้รับตำแหน่งอันดับที่ 1 บนชาร์ตออริคอนรายสัปดาห์ และเป็นซิงเกิลเดี่ยวลำดับที่ 3 ของสมาชิวง AKB48 ที่ได้รับอันดับนี้[15]

เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2556 มีการประกาศที่คอนเสิร์ต บุโดคัง อารีนา ว่าซะชิฮะระจะดำรงตำแหน่งผู้จัดการของ HKT48 และเธียเตอร์ของ HKT48 ร่วมกับคนเก่า และยังคงเป็นสมาชิกวง HKT48 ทีม H อยู่เหมือนเดิม[16] ซึ่งการเลื่อนขึ้นนี้มีการอภิปรายจากบางคนว่าเป็นความหวังของ ยะซุชิ อะกิโมะโตะ ที่อยากให้บทบาทกับซะชิฮะระในการจัดการและดูแลสมาชิกในวง อันเนื่องมากจากว่าเธอมีทักษะในการควบคุม เป็นบางสิ่งที่อะกิโมะโตะพูดเป็นนัยตั้งแต่ปี 2553[17]

กลุ่มผู้บริหารหลายคนมองเห็นศักยภาพของซะชิฮะระในฐานะผู้จัดการวง และได้ให้โอกาสเธอในการดึงทักษะของเธอออกมาตลอดปี เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2556 ในรายการโทรทัศน์ชื่อ "AKB Eizo Cneter" (มีซะชิฮะระเป็นพิธีกรร่วม) เธอได้ประกาศว่าเธอจะผลิตซิงเกิลเดี่ยวให้กับ คะโอะริ มะสึมุระ สมาชิกวง SKE48 ในชื่อ "มะสึมุระบุ" ซึ่งแต่เดิมมีการวางแผนไว้ว่าจะปล่อยจำหน่ายออกมาก่อนในจำนวนจำกัด (1000 ชุด) และจะเพิ่มจำนวนในภายหลัง[18][19] ซึ่งมีราคาอยู่ที่ 1000 เยน โดยมีซะชิฮะระเป็นผู้ออกแบบชุด, ผู้เขียนเนื้อเพลง, ผู้กำกับมิวสิควีดีโอ, และผู้เรียบเรียงเพลง[20] ซึ่งผู้อำนวยการ ยะซุชิ อะกิโมะโตะ ได้เล่าว่าเหตุผลที่ให้ซะชิฮะระมีส่วนร่วมในการบริหารขนาดนี้เพราะเขามั่นใจว่าเธอจะดึงเสน่ห์ของ คะโอะริ มะสึมุระ ออกมาได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากเธอก็เป็นแฟนคลับเช่นกัน[21][22]

ในการเลือกตั้งประจำปี 2556 ซะชิฮะระได้รับอันดับ 1 ด้วยคะแนน 150,570 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนที่มากที่สุดของสมาชิกทุกคนใน 48 กรุ๊ป แซงคะแนนของ ยุโกะ โอะชิมะ ซึ่งได้ 136,503 คะแนน[23] ด้วยเหตุนี้ เธอจึงได้เป็นเซ็นเตอร์เพลง "โคะอิซุรุฟอร์จูนคุกกี้"[ต้องการอ้างอิง]

ในขณะที่ความนิยมของเธอกำลังเพิ่มขึ้น เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2557 สำนักข่าว "โคดันชะ" ได้ตีพิมพ์อัตชีวประวัติของซะชิฮะระครั้งแรกในชื่อ "Gyakuten-ryoku ~ Pinchi o Mate ~" ซึ่งมียอดจำหน่ายมากว่า 2 หมื่นชุดในสัปดาห์แรก[24][25] และมียอดตีพิมพ์เพิ่มขึ้นหลังจากนั้น.[26] ข้อมูลในหนังสือประกอบด้วยบทสัมภาษณ์ของซะชิฮะระ[27] และชีวิตส่วนตัวของเธอตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นในการเป็น "โอตะ" และ "ฮิกกิโมะริ" จนถึงอาชีพปัจจุบันของเธอในฐานะผู้จัดการวง[28] และมีจุดเน้นย้ำเกี่ยวกับบทเรียนที่เธอได้รับ และการ "พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส"[29] หนังสือเล่มนี้มีการโฆษณาอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานเงินเดือนในบริษัทต่าง ๆ[30]

ซะชิฮะระได้รับอันดับ 1 อีกครั้งในงานเลือกตั้งประจำปี 2558 ด้วย 194,049 คะแนน ทำให้เธอได้รับตำแหน่งเซ็นเตอร์อีกครั้ง และเป็นคนแรกที่ได้รับอันดับ 1 ถึงสองครั้ง[31] และในปี 2559 เธอก็ได้รับอันดับ 1 เช่นกันในงานเลือกตั้งประจำปี ด้วยคะแนน 243,011 คะแนน[32] และในปี 2560 เธอได้รับอันดับ 1 ด้วยคะแนน 246,376 คะแนน เป็นคนแรกที่ได้รับอันดับ 1 ถึงสามปีซ้อน[33][34]

ในวันที่ 16 ธันวาคม 2561 ซาชิฮาระได้ประกาศจบการศึกษาจากHKT48 ณ คอนเสิร์ตครบรอบ7ปี ของHKT48 โดยคอนเสิร์ตจบการศึกษาได้จัดขึ้นที่สนามกีฬาโยโกฮาม่า เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2562

แหล่งที่มา

WikiPedia: ริโนะ ซาชิฮาระ http://www.akb48wrapup.com/2012/06/shuukan-bunshun... http://ajw.asahi.com/article/cool_japan/culture/AJ... http://www.billboard-japan.com/d_news/detail/21882... http://www.billboard-japan.com/system/jp_charts/ho... http://melosnomichi.blogspot.com/2012/01/sashihara... http://eiga.com/movie/79920/ http://eiga.com/news/20130225/4/ http://eiga.com/news/20150228/13/ http://www.imdb.com/name/nm4272233/ http://www.j-cast.com/2013/04/29174145.html?p=all